มันตา ชีวิตและสุขภาพ Manta Health Life | พลังกาย พลังใจ พลังชีวิต สุขภาพ

มันตา สาระความรู้ การดูแลชีวิตและสุขภาพ เสริมสร้างพลังกาย พลังใจที่ดี การใช้พลังใจบำบัดกาย การใช้พลังธรรมชาติบำบัด และการใช้ศาสตร์พยากรณ์ฮวงจุ้ย วิเคราะห์ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพ

อาการปวดเอว ปวดข้อนิ้ว สัญญาณเตือน การทานเค็มมากไป

เวลาที่รู้สึกปวดเอวจี๊ดๆ แปล๊บๆ ขึ้นมา หลายคนก็คิดว่า น่าจะเป็นเพราะกล้ามเนื้ออักเสบ หรือมานั่งนึกว่า...เอ เมื่อวานไปทำอะไรมาน้อ...ตื่นขึ้นมาวันนี้ถึงได้ปวดเอว.! ถ้าคุณไม่ได้มีอาชีพที่ต้องใช้กล้ามเนื้อแบกหาม หรือถูกกระแทกบริเวณเอวอย่างรุนแรงมาก่อนล่ะก้อ การปวดเอวเป็นสัญญาณเตือนของร่างกายว่า "ไต" ของคุณกำลังมีปัญหา เพราะการกินเค็มมากเกินไปแล้ว

หรือบางคนตื่นเช้าขึ้นมา ก็มีอาการปวดตามข้อนิ้ว พองอนิ้วก็เจ็บ ยิ่งบีบนวดที่ข้อนิ้วยิ่งปวด ทั้งๆ ที่ไม่เคยปวดข้อ และไม่มีประวัติเคยเป็นเก๊าต์มาก่อน แต่พอสายหน่อยอาการที่ปวดข้อนิ้วก็จะหายไปเอง เมื่อได้ดื่มน้ำมากๆ เพราะน้ำจะไปช่วยในการลดความหนืดข้นของเลือด ทำให้ร่างกายมีการฟอกล้างขับของเสียได้ดีขึ้น ส่วนอาการปวดเอวจี๊ดๆ จะยังคงมีเป็นบางเวลา และจะหายไปเอง อาการที่ว่านี้ไม่เกี่ยวกับการกระทบกระแทกที่เกิดจากการอักเสบกล้ามเนื้อนะคะ เพราะนั่นจะมีอาการปวดตึง และกล้ามเนื้อมีลักษณะยืดตัวไม่ออก คล้ายเส้นยึดค่ะ 

อาการปวดเอวจี๊ดๆ แปล๊บๆ หรือปวดข้อนิ้ว ข้อนิ้วบวมงอนิ้วลำบาก อาการดังกล่าว เป็นสัญญาณเตือนตามธรรมชาติจากร่างกายว่า มีการทานอาหารที่มีส่วนผสมโซเดียม หรืออาหารที่มีเกลือเป็นส่วนผสมมากเกินไปแล้ว นั่นคือทานเค็มมากเกินไปแล้ว หรือมีนิสัยที่ชอบทานเค็มเกินเป็นประจำ ที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลเสียต่อไต ทำให้ไตเสื่อมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ไตต้องทำงานหนัก อาการดังว่า เป็นการเตือนของร่างกายว่ากำลังเกิดความผิดปกติ และหากมีการสะสมเป็นเวลานนานจนไตคนเราทนไม่ไหว ก็จะส่งผลเสียต่อระบบการทำงานของไต จนถึงระดับที่เรียกว่า "ไตวาย" แล้วล่ะก้อ จะทำให้ต้องรักษาด้วยการฟอกไต ที่กลายเป็นภาระต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างมากในการใช้ชีวิต ซึ่งปัจจุบันพบว่าการฟอกไตเป็นกลุ่มที่มีอายุน้อยมีเพิ่มมากขึ้น

องค์การควบคุมมาตรฐานอาหารของอังกฤษ หรือ FSA และองค์การอนามัยโลก มีข้อแนะนำไม่ควรกินเกลือเกินวันละ 5 กรัม (เกลือ 1 ช้อนชา มีค่าประมาณ 5 กรัม)  ในเด็กอายุตั้งแต่ 1 - 6 ปี ควรได้รับเกลือไม่เกินวันละ 2 กรัม อายุ 7-14 ปี ไม่ควรเกินวันละ 5 กรัม

และนอกจากนี้ เกลือหรือโซเดียม มักอยู่ในเครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลม เครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น น้ำปลา ซุปผงกะปิ ปลาร้า เต้าเจี้ยว ซอสถั่วเหลือง และอาหารหมักดอง เช่น บ๊วยเค็ม ผักกาดดอง มะม่วงดอง เป็นต้น

บรรดาอาหารสำเร็จรูปนานาชนิดก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะมีเกลือเป็นส่วนผสม ควรดูปริมาณจากฉลากเพื่อไม่ให้เกิดการกินเกลือที่มากเกินไป นอกจากนี้ ยังมีสารปรุงแต่ง ในตระกูลเดียวกับเกลือ เจือปนอีกหลายชนิด เช่น โซเดียมไนเตรท, โซเดียมฟอสเฟต, โซเดียมแอสคอเบท, ผงชูรส หรือแม้แต่ โซเดียมซัคคาริน หรือ โซเดียมตัวอื่นๆ

คุณผู้อ่านจึงควรระวังเรื่องการกินเค็มมาก หรือกินอาหารที่มีรสเค็มจัด โดยเฉพาะปัจจุบันผู้ค้าใช้เกลือแทนการใช้น้ำปลา ไม่ควรปรุงรสอาหารก่อนชิมอาหาร หากปรุงรสอาหารเองต้องเติมเกลือให้น้อยที่สุด เพราะกินเค็มมากเสี่ยงต่ออายุสั้น เป็นโรคไต ความดันโลหิตสูง และการทานเค็มมากๆ ยังทำให้ผมไม่เงางาม  ทำให้ผมแห้ง  และเป็นสาเหตุให้ผมหงอกก่อนวัยด้วยค่ะ

ดังนั้น อย่าให้เค็มมากเกินไป อย่าตามใจปาก ควรระวังการปรุงรสชาติเค็มไว้บ้าง เพราะเมื่อทานเค็มจนลิ้นนั้นเกิดความคุ้นชิน ลิ้นก็จะคิดว่าไม่เค็ม เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ และควรใส่ใจต่อสัญญาณเตือนความผิดปกติที่เกิดขึ้น และหันมาสำรวจดูว่าในแต่ละวันทานอะไรมากเกินไป ชอบทานของคบเคี้ยวที่มีส่วนผสมของเกลือในปริมาณมากเกินไปหรือไม่ และที่สำคัญร่างกายมีการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอหรือไม่ เรียกว่าไม่ควรนอนดึกถ้าไม่จำเป็น 

เพราะในเวลาที่ร่างกายนอนหลับนั้น ร่างกายก็จะทำการซ่อมแซมและขจัดของเสียต่างๆ ในร่างกายตามธรรมชาติ แต่ถ้าถึงเวลาที่ควรนอนหลับพักผ่อนแล้วก็ยังไม่นอนอีก ก็ตัวใครตัวมันล่ะคร้า เตรียมเงินค่าหมอไว้เยอะๆ ได้เลย

Thankyou Credit Picture from :  http://www.klochiropractic.ca
ads
ขับเคลื่อนโดย Blogger.